3. การเทรด Breakout และ False Breakout
วิธีการวัดความแข็งแรงของการ Breakout
อย่างที่ได้เรียนไปก่อนหน้านี้ เมื่อเทรนด์มีการเคลื่อนไหวในช่วงระยะเวลาหนึ่ง และเริ่มกระจุกตัว ดังนี้;
1. ราคาอาจยังคงดำเนินต่อในทิศทางเดิม (การ Breakoutแบบไปต่อ)
2. ราคาอาจกลับตัวไปยังทิศทางตรงข้าม(การ Breakout แบบผันกลับ)
มีวิธีการตรวจสอบการเกิด Breakout และวิธีการหลีกเลี่ยงการ False Breakout
ซึ่งมีอยู่สองสามทางที่จะบอกได้ว่าเทรนด์นั้นดูเหมือนว่าจะอ่อนตัวลง และเกิดการ Breakout แบบผันกลับ
Moving Average Convergence Divergence (MACD)
คุณเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับตัวบ่งชี้ MACD หรือไม่? หากไม่ ควรกลับไปอ่านบทเรียนที่เกี่ยวกับ MACD อีกครั้ง
MACD คือ หนึ่งในตัวบ่งชี้พื้นฐานที่เป็นที่นิยมในการใช้สำหรับเทรดเดอร์ Forex และเหตุผลที่เลือกใช้มันนั้น เป็นเพราะมันง่าย แต่ก็ยังเชื่อถือได้และยังช่วยให้คุณสามารถหาการเคลื่อนไหวได้
MACD นั้นสามารถแสดงให้เห็นได้ในหลายรูปแบบแต่หนึ่งในวิธีที่ง่ายที่สุด คือ การมองมันให้เป็นฮิสโตแกรม
สิ่งที่ฮิสโตแกรมนี้ทำ คือ แสดงความแตกต่างระหว่างเส้น MACD และเส้นสัญญาณ
เมื่อฮิสโตแกรมใหญ่ขึ้น หมายถึง การเคลื่อนไหวนั้นมีความแข็งแรงมากขึ้น
เมื่อฮิสโตแกรมเล็กลง หมายถึง การเคลื่อนไหวนั้นมีความอ่อนแรงลง
แล้วเราจะใช้มันในการหาการกลับตัวของเทรนด์ได้อย่างไรเรามาดูกัน
จำได้หรือไม่ว่าสัญญาณการเทรดที่เราพูดถึงก่อนหน้านี้ เรียกว่า Divergence และมันจะเกิดขึ้นเมื่อราคาและตัวบ่งชี้นั้นเคลื่อนที่ไปในทางตรงข้ามกัน
และเนื่องจาก MACD แสดงให้เราเห็นถึงการเคลื่อนไหว มันดูเข้าใจได้ที่การเคลื่อนไหวนี้จะเพิ่มขึ้นเมื่อตลาดนั้นเกิดแนวโน้มขึ้น
อย่างไรก็ตาม หาก MACD เริ่มลดลงแม้ว่าแนวโน้มยังดำเนินต่อไป คุณสามารถคิดไปได้ว่าการเคลื่อนไหวนั้นลดลงและเทรนด์นั้นใกล้ที่จะจบลงแล้ว
จากภาพ คุณจะเห็นได้ว่า เมื่อราคานั้นเคลื่อนไปสูงขึ้น MACD จะเล็กลง
ซึ่งมันหมายความว่า ถึงแม้ว่าราคานั้นจะยังคงเคลื่อนไปตามแนวโน้ม การเคลื่อนไหวจะค่อยๆเริ่มที่จะอ่อนลง
และจากข้อมูลนี้ เราสามารถสรุปได้ว่า มันมีโอกาสสูงมากที่จะเกิดการกลับตัวของเทรนด์
Relative Strength Index (RSI)
RSI เป็นอีกตัวบ่งชี้การเคลื่อนไหวอีกตัวหนึ่งที่เป็นประโยชน์ต่อการยืนยันการ Breakout แบบผันกลับ
โดยพื้นฐานแล้ว ตัวบ่งชี้นี้จะบอกเราถึงความต่างระหว่างราคาปิดสูงสุดและต่ำสุดสำหรับช่วงเวลานั้นๆ เราจะไม่ลงลึกรายละเอียดเกี่ยวกับมันมากเกินไป แต่ถ้าคุณอยากรู้เพิ่มเติม คุณสามารถเข้าไปดูได้ที่บทเรียนเกี่ยวกับ RSI
RSI สามารถใช้ด้วยวิธีที่คล้ายกับ MACD ได้โดยการที่มันจะสร้าง Divergence และหากสามารถหา Divergence เหล่านี้เจอ คุณจะสามารถหาการกลับตัวของเทรนด์ที่อาจเกิดขึ้นได้
อย่างไรก็ตาม RSI ก็ยังดีต่อการหาว่าแนวโน้มนั้นมีการซื้อมากเกินหรือขายมากเกินนานแค่ไหนแล้ว
ตัวบ่งชี้พื้นฐานจะบอกเราว่าสภาพตลาดนั้นมีการซื้อที่มากเกินไป ถ้าหาก RSI นั้นมีค่ามากกว่า 70 ในทางกลับกัน ตัวบ่งชี้พื้นฐานจะบอกเราว่าสภาพตลาดนั้นมีการขายที่มากเกินไป ถ้าหาก RSI นั้นมีค่าต่ำกว่า 30
และเนื่องจากว่า แนวโน้มมีการเคลื่อนไหวไปในทางเดียวกันเป็นระยะเวลาหนึ่ง คุณมักที่จะพบว่า RSI เคลื่อนที่ไปในพื้นที่ที่มีการซื้อ หรือการขายที่มากเกินไป ขึ้นอยู่กับว่าแนวโน้มของเทรนด์นั้น
ถ้าหากเราอ่านค่าแนวโน้มได้ว่ามีการซื้อหรือการขายที่มากเกินไปในช่วงระยะเวลาหนึ่งและเริ่มที่จะเคลื่อนที่กลับมาในระดับของ RSI มันเป็นตัวบ่งชี้ที่ดีที่จะส่งสัญญาณให้เรารู้ว่าแนวโน้มนั้นอาจเกิดการกลับตัว
ในตัวอย่างเดียวกับก่อนหน้านี้ RSI แสดงให้เห็นว่าตลาดนั้นได้อยู่ในสภาพที่มีการซื้อมากเกินไปมาแล้ว
เมื่อ RS Iเคลื่อนกลับมาต่ำกว่าระดับที่ 70 มันเป็นตัวบ่งชี้ที่ดีว่าแนวโน้มกำลังจะกลับตัว
ก่อนหน้า
ต่อไป